วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เผ่ากะเหรี่ยง


กะเหรี่ยงยางขาว

ชาวยางขาวเป็นพวกที่มีความชำนาญในการคล้องช้าง สมัยโบราณบรรพบุรุษนิยมล่าช้างมาเป็นอาหาร ปัจจุบันได้เลิกการล่าช้างและรับประทานเนื้อช้างแล้ว แต่มักจับเอาช้างมาใช้งาน ชาวยางผู้มั่งคั่งบางคนมีช้างหลายเชือก ชาวเหนือและชาวพม่าที่ทำป่าไม้มักว่าจ้างชาวยางไปเป็นควาญช้างเพราะพวกนี้มี ความชำนาญในการขี่ช้าง เคยร่วมกันตั้งพะเนียดจับช้างอยู่เสมอ ชาวยางขาวรับประทานข้าว เจ้า ใช้ถาดสานด้วยไม้ไผ่โดยเอาข้าวทั้งหมดใส่ลงไปในถาดแล้วแหวกตรงกลางสำหรับ ว่างถ้วยน้ำพริกหรือแกง ใช้มือขยุ้มรับประทาน อาหารจำพวกเนื้อรับประทานได้ทุกอย่าง เว้นแต่เนื้องูอย่างเดียว พวกเขาเกลียดงูเป็นที่สุด ถ้าผู้ใดรับประทานเนื้องู เขาจะไม่ยอมให้ขึ้นบนบันไดบ้าน เพราะถือว่าผิดผีอย่างร้ายแรง เวลาเดินทางไปล่าสัตว์หรือไปหาอาหาร หากไปพบปะงูในวันนั้นก็ต้องหันหลังกลับบ้านทันที เพราะถือว่าโชคร้ายมาก ขืนเดินทางต่อไปก็จะไม่ได้อะไรเลย ชาวยางขาวไม่ชอบเก็บอาหารแห้งไว้รับประทานนาน ๆ มีอะไรเท่าไรก็รับประทานหมดแล้วไปหาเอาใหม่ เมื่อไม่มีอะไรก็รับประทานข้าวสุกกับพริกสดและเกลือเท่านั้น สิ่งเสพย์ติดมีเพียงการสูบยาเส้นจากกล้องซึ่งทำด้วยตาไม้ไผ่ ไม่นิยมสูบบุหรี่หรือฝิ่นกัญชา การตำข้าวของพวกเขาแปลกกว่าชาวเหนือ และชาวเขาเผ่าอื่น ๆ เพราะตัวครกใช้ไม้เจาะด้านข้างแล้วตำด้วยมือ ผู้หญิงเป็นคนตำ เวลาก่อนย่ำรุ่งราวตีสี่หรือตีห้าจะเริ่มตำ พอฟ้าสว่างก็เสร็จ

ชาวยางขาวเป็นผู้ที่มี อุปนิสัยใจคอโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนบ้าน ถ้ามีแขกต่างถิ่นไปถึงหมู่บ้านของเขา หัวหน้าหมู่บ้านจะออกมาต้อนรับ เมื่อขึ้นไปนั่งบนบ้าน เจ้าของบ้านจะต้อนรับขับสู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยกหมากยาสูบมาวางไว้ตรงหน้า ถ้าแขกพักอยู่หมู่บ้านนั้นหลายวัน ชาวบ้านคนอื่นต่างก็เชื้อเชิญให้ไปรับประทานอาหารเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขา แทบทุกหลังคาเรือน ประเพณีการต้อนรับแขกอย่างหนึ่งคือขณะนั่งสนทนากันอยู่กับแขก เมื่อมีธุระหรือการงานอะไรก็ลุกขึ้นไปทำเฉย ๆ โดยไม่บอกกล่าวขอตัวกับแขกเลยเมื่อเสร็จงานแล้วจึงกลับมานั่งสนทนากันใหม่ นิสัยของชาวยางขาวชอบ ความสงบ รักธรรมชาติ นิยมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนภายใต้ระเบียบแบบแผนอันเดียวกันไม่ปะปนกับชาว เหนือหรือชนชาติอื่น ทุกคนเคารพและเชื่อฟังผู้อาวุโส ตลอดจนผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน สิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านไม่ปรากฏว่ามีการลักขโมย การประทุษร้ายระหว่างพวกเดียวกันเองก็ไม่เคยปรากฏ ชาวยางขาวเป็นชนชาติที่ไม่กระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้มีฐานะมั่งคั่ง การอาชีพตามปกติของเขานั้นก็คิดทำกันพอเลี้ยงชีพของตนและครอบครัวให้ยืนยาว ไปชั่ววันหนึ่ง ทุกคนอยู่ด้วยความรักสงบ และมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

ชาวยางขาวเป็นผู้ที่รัก สนุกด้วยการดีด สี ตี เป่า และชอบกล่าวสุภาษิตโบราณอันไพเราะ เครื่องดนตรีประจำชาติมีเพียงชนิดเดียว รูปร่างลักษณะคล้ายเขาควาย ทำด้วยเขาสัตว์หรืองาช้าง เขากวางเจาะรูใช้เป่าทางโคนใช้มือปิดทางรูอีกข้างหนึ่ง เสียงเป่าดังคล้ายเสียงผิวปาก เครื่องดนตรีชนิดนี้เรียกว่า “ แกว ” หรือ “ กาย ” มีบทเพลงที่ไพเราะ ซึ่งใช้ร้องเล่นในยามว่างหรือในคืนเดือนหงาย และเวลาที่มีพิธีแต่งงาน งานศพ งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ ชาวยางขาวมีภาษาคล้าย คลึงกับภาษาของชาวยางหรือกะเหรี่ยงพวกอื่น ๆ ตัวอักษรของชาวยางขาวเขียนเป็นตัวขอมหรือตัวอักษรอย่างพม่า มักเขียนเป็นตำรับตำราเกี่ยวกับพิธีลัทธิทางไสยศาสตร์ คาถาอาคม บทเพลง สุภาษิต ฯลฯ ดังจะขอยกนำมาไว้ ดังนี้

ต้าดึโล่ะยาโล่ะ เดาะตะเอโล่ะ โซ่เกโล่ะเน่ โอ้ท่อเลอ ซือกลาเลอ แล่คอแล่เลอซือ ซ่ากุยต่าตะพ่าเลอ อดึต่า ยาต้าเลอซึแก้ ซือวออักลาตะเม่บาฮาซือสะกุยต๊ะเดาะ ซือเตนนีบ้า ตาบ้า ซือม่า ซี - ป้าขยอเดาะซือเกต้าเดาะซเน่บาต้าตะเซบ้า อะเงดีอี ซือตะเคบ้า ตาบ้า ซือเคต้า เดาะเตนเน่ บ้าตาบ้า อะเวดีอี้ ซืเควเก้อม่าต้า ดีโซ่ะซือ ซือเกาะอ้อเลอะงอต้าเลอซือ ต้ามึต้าลาอะป่ะ ลอ แปลว่า “ การทะเลาะวิวาทกันในระหว่างพวกท่านนั้นมาแต่ไหน สิ่งนี้ใช่ไหม คือมาแต่ใจอันปรารถนาชั่วที่ก่อรบกวนในร่างกายของท่าน ท่านทั้งหลายปรารถนาได้ แต่ ก็ไม่ปรารถนาอยาก ท่านมัวหลงแก่งแย่งฆ่าฟันประทุษร้ายอิจฉาริษยาต่อกัน ซึ่งในที่สุดท่านก็ไม่สมปรารถนาสักอย่างเดียวท่านทั้งหลายทะเลาะแก่งแย่งกัน นั้นท่านหาอาจจะบรรลุถึงซึ่งความปรารถนาได้ไม่ เพราะว่าท่านขาดจิตที่ตะนอบน้อมกล่าวคำขอ หรือท่านได้ขอแล้วแต่ท่านมิได้รับผลจากการขอร้องนั้นก็เพราะท่านขอในสิ่งที่ ผิด โดยท่านหวังนำเอาไปใช้ตามจิตปรารถนาชั่วของท่าน

การปรนนิบัติระหว่างสามี ภรรยา สะใภ้ต่อพ่อผัวแม่ผัวหรือลูกเขยพ่อตาแม่ยายคงเป็นไปอย่างคนไทยทั่วไป แต่หญิงผู้เป็นสะใภ้ต้องเคารพนับถือพ่อผัวเสมอเป็นบิดามารดาบังเกิดเกล้าของ ตน เมื่อมีการทะเลาะวิวาทระหว่างครอบครัวถึงขั้นแตกหักอันควรหย่าร้าหรือไม่ก็ ตาม จะทำการตกลงกันระหว่างญาติหรือผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย อย่างมากก็พาไปถึงกำนันไม่ปรากฏว่ามีเรื่องมาถึงอำเภอหรือโรงศาลเลย

ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ก็คง ทำงานตามปกติ เมื่อถึงกำหนดคลอดก็เรียกหมดตำแยประจำหมู่บ้านมาทำคลอด ตัดสายสะดือโดยใช้คมไม้รวก ส่วนรกบางคนใช้ฝังไว้ใต้ฐานบันได บางคนเอาใส่กระบอกไม้ซางไปแขวนไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่ต้นไม้ บางคนใช้ไม่ปักเป็นสามเส้าเอารถใส่กระบอกไม้ซางหรือไม้ไผ่ไปตั้งบนนั้น เหตุที่เอารกไปแขวนกิ่งไม้ไว้นั้น เพราะเชื่อว่าเวลาเด็กเติบโตขึ้นจะปีต้นไม่เก่ง การอยู่ไฟ เขาอยู่กันโดยสุมฟืนตลอด เมื่อเด็กคลอดแล้วมีแม่มดหรือแม่ช่างมาแกว่งข้าวเสี่ยงทายดูว่าผู้ใดมาเกิด เป็นเด็กนั้น สมมติว่าลุงที่ตายไปแล้วนั้นมาเกิดใหม่ เขาจะให้ป้าที่ยังมีชีวิตอยู่มาผูกข้อมือให้ หรือญาติข้างฝ่ายลุงที่ชอบพอรักใคร่กันมาในขณะยังมีชีวิตอยู่นั้นมาผูกข้อ มือ การผูกข้อมือรับขวัญเด็กเมื่อแรกเกิดมีข้าวสุก 3 ก้อน กับก้อนกรวด 1 ก้อน เป็นเครื่องรับขวัญ และกล่าวคำให้พรตามสมควร คลอดมาได้ประมาณ 2-3 วัน ก็ป้อนข้าวให้กินนมเรื่อยไป จะหย่านมเมื่อเห็นเวลาสมควร เช่น เวลาเมื่อมารดาตั้งครรภ์ใหม่

ชาวยางกะเลอนับถือศาสนา พุทธ นิยมไปจัดเฉพาะวันธรรมสวนะในเทศกาลเข้าพรรษา พ้นช่วงนั้นแล้วไม่ค่อยไปเว้นแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีศรัทธาทางพระพุทธศาสนา เพราะชาวยางกะเลอส่วนมาไม่ใฝ่ใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงเพียง เริ่มนับถือเท่านั้น เพราะเขาเคยนับถือผีสางเทพารักษ์มาแต่โบราณกาล ถ้าปรากฏว่ามีผู้ตายใน หมู่บ้านจะมีการ อยู่กำบ้าน หนึ่งวันคือเมื่อศพยังอยู่ในบ้านนั้น ชาวบ้านไปทำการงานนอกหมู่บ้านไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยงานศพจนกว่าจะเสร็จ และศพเก็บไว้ภายในบ้านเพียง 1 คือ หรือบางที 3 คือเป็นอย่างมาก เวลามีงานชุก เช่น ฤดูทำนา ก็เอาศพไว้เพียงคืนเดียว ทั้งนี้เหมือนกันทั้งศพเด็กและผู้ใหญ่ พิธีทำศพไม่ยุ่งยาก ใช้ผ้าห่มของผู้ตายคลุมศพแล้วห่อด้วยเสื่อและตราสัง แล้วนำศพนั้นไปวางไว้ใกล้หัวบันไดถ้าเป็นศพผู่ใหญ่จะมีขบวนแห่นักร้องเพลงมา นั่งล้อมวงร้องเพลงไว้อาลัยแก่ศพ คล้ายพระสวดมนต์อภิธรรมหน้าศพครั้งแรกเขาให้ผู้เฒ่าร้องเพลง ถัดมาเอาชายหนุ่มร้อง ครั้งที่ 3 เอาหญิงสาวร้อง และครั้งต่อ ๆ ไปก็เอาหนุ่มสาวเปลี่ยนเวรกันร้องเพลงทีละครั้งรอบ ๆ ศพ เนื้อเพลงจะกล่าวคำระลึกถึงดวงวิญญาณ และบอกทางไปสวรรค์ให้แก่ผู้ตาย ถ้าศพนั้นเป็นศพเด็กทารก หรือเด็กเล็ก ๆ ก็ไม่มีพิธีอะไรมากมาย ไม่มีคนร้องเพลงไว้อาลัย การร้องไห้รำพันก็มีเป็นธรรมดาสำหรับญาติผู้ตาย การปลงศพใช้วิธีฝัง เวลาฝังนั้น ญาติพี่น้องของผู้ตายจะจัดหม้อข้าวหม้อแกง จอบเสียบ มีด พร้า และของใช้สอยที่จำเป็นในการครองชีพกับเงินอีกเล็กน้อย แต่เงินนี้นำเอาใส่ปากใส่มือ ไม่ใส่ไว้ในโลง ใช่เสื่อห่อศพและฝังลงไปกับศพ มีคติเชื่อถือกันว่า สิ่งของทุกชิ้นที่ฝังลงไปกับศพนี้ ผู้ตายจะเอาไปใช้ในเมืองสวรรค์  การนำศพจากเรือนไปสู่ ป่าช้า จะนำไปเวลาก่อนเที่ยงเสมอ ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีพระสงฆ์คอยนำหรือทำพิธีอื่นใดอีกมีเพียงญาติพี่น้องผู้ตาย และผู้มาช่วยไปส่งเท่านั้น เมื่อฝังศพแล้วก็พากันกลับบ้าน บางคนมีฐานะดี เวลาญาตินำเงินไปฝังให้ถึง 200-300 บาท หรือมากกว่านั้น เพื่อเอาไปใช้จ่ายในระหว่างเดินทางไปสวรรค์ และไม่เคยปรากฏว่าศพเหล่านี้ถูกผู้ร้ายขุดค้นหาทรัพย์
เมื่อฝังศพเสร็จเรียบ ร้อยแล้วจะมีการไว้ทุกข์ คือ อยู่กำบ้าน ให้แก่ผู้ตายอีก 3 วัน แต่การอยู่กำบ้านครั้งนี้ คงทำเฉพาะที่บ้านผู้ตายเท่านั้น การทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงผู้ตายจะทำเมื่อถึงโอกาสอันสมควรการเดินทางไปเที่ยวบ้าน ยางกะเลอที่ตำบลปงน้อย ในสมัย พ . ศ . 2490 นั้น เริ่มจากอำเภอแม่จัน ผ่านตำบลสันทราย ตำบลท่าข้าวเปลือก ตำบลปงน้อย ไปสู่บ้านยาง หมู่ที่ 5 บ้านดอย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านปงน้อย ประมาณระยะทาง 37 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางในฤดูแล้ง 12 ชั่วโมง ถ้าฤดูฝนประมาณ 18 ชั่วโมง การคมนาคมไม่สะดวก ต้องเดินทางด้วยเท้า อีกทางหนึ่งคือเดินทางด้วยเรือถ่อล่องไปตามลำน้ำกก ออกจากตัวอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปตำบลท่าข้าวเปลือก แล้วไปตำบลปงน้อย จังหวัดเชียงราย

1 ความคิดเห็น:

  1. How To Become a Casino Player - Dr. Martin's Addiction
    From the 밀양 출장안마 time I became a professional player, 속초 출장샵 I started playing casino games, and even though 서울특별 출장샵 I never realized that I was 군산 출장안마 completely alone, I continued 오산 출장마사지

    ตอบลบ